Tuesday, August 12, 2014

Good Friend

การมีเพื่อนที่หลากหลายทำให้เห็นความต่างของแต่ละคน
การไม่คาดหวังกับเพื่อนทำให้ยอมรับ และเข้าใจความเป็นตัวตน 
เวลาเพื่อนดี จะรู้สึกดีใจหาย
เวลาเพื่อนไม่ดี จะคิดว่า คนเราก็ต้องมีข้อเสียบ้าง 
แต่นิสัยเสีย เพื่อนที่ดี ก็ควรเตือนกัน 
นอกจากแก้ให้คนอื่น ก็ต้องแก้ตัวเองด้วย

Memory and Lesson

อดีตที่ดีเป็นความทรงจำ
อดีตที่เลวร้ายเป็นบทเรียน
อดีตที่ดีไม่ควรหายไปเพราะความเลวร้ายในอดีต
อดีตที่เลวร้ายไม่ควรลบความรู้สึกดีในอดีต

มองแง่ร้าย กลุ้มใจ
มองแง่ดี สบายใจ
มองเป็นกลาง สงบนิ่ง
มองตามจริง เข้าใจ
มองอย่างมีสติ เกิดปัญญา

Forgiveness

การให้อภัย ถือเป็นการให้อย่างหนึ่ง คือ เมตตาตัวเองให้พ้นทุกข์ กรุณาผู้อื่นให้พ้นจากความรู้สึกผิด มีมุทิตาโดยยินดีกับผู้อื่นเมื่อผู้อื่นมีความสุข และวางอุเบกขา โดยทำใจเป็นกลางกับความผิดและความรู้สึกไม่ดีต่างๆ 

Sunday, June 22, 2014

Charging Energy to Get Back

เมื่อมีเรื่องเข้ามามากมาย การมาอยู่คนเดียวบ้าง เพื่อชะล้างและพักจิตใจ ทบทวนเรื่องต่างๆ หาแรงบันดาลใจ และเพิ่มแรงสู้ต่อ เพื่อกลับไปรับมือกับเรื่องต่างๆ ที่จะเข้ามาอีกก็เป็นหนทางที่ฟื้นพลังใจได้ดีเหมือนกัน


When plenty of events come, staying away to purify and rest mind, reviewing many things, discovering inspiration, and boosting energy to cope with what will happen then. This is quite a good way to recover mental energy.


Thursday, June 12, 2014

To Hold or Keep People

ถ้าให้เลือกระหว่างยึดกับรักษาไว้ จะเลือกอะไรดี

การไม่ยึดกับคน ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องคาดหวังว่า จะต้องเป็นแบบเดิมทุกอย่าง เวลาที่มีอะไรที่เปลี่ยนไป ทั้งนิสัยและความเคยชินที่เคยใช้เวลาด้วยกัน จะได้ไม่ทุกข์ 

เพื่อนบางคนเคยสนิทกันแต่ก็แค่ช่วงหนึ่ง แล้วก็ขาดการติดต่อ เราไม่ติดต่อ เค้าก็ไม่ติดต่อ แต่บางคนเราผลัดกันติดต่อ ก็เลยยังคุยกันอยู่ บางคนก็มีเราติดต่อไปหาก่อนฝ่ายเดียว แต่จะกังวลไปทำไมกันว่าใครจะติดต่อก่อน หรือเราจะไม่ติดต่อกันนาน ถ้าอยากคุย ก็คุยเลย เขาหรือเราอาจเป็นความสุขเล็กๆ ของกันและกันที่ได้เจอกัน คุยกัน และมีความทรงจำร่วมกัน

ทุกคนก็มีภาระหน้าที่มากขึ้น มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง เราอาจจะห่างกันมากขึ้น เป็นเรื่องปกติ ทุกสิ่งก็ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่คงทน แต่ว่า มิตรภาพก็ควรถนอมไว้นะ โดยไม่ขาดการติดต่อสำหรับบางคนที่เขาให้ความสำคัญกับเรา หรือเราให้ความสำคัญกับเขา

บางคนดูเหมือนสนิทกันแต่จริงๆ แล้วดูห่างกันมาก บางคนเป็นเพื่อนเรียน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนเที่ยว เพื่อนคุย เพื่อนเล่น เพื่อนร่วมกิจกรรม เพื่อนที่ขอหรือให้ความช่วยเหลือ  หรือเพื่อนที่มาคุยกับตามโอกาส

หาเพื่อนที่จะไม่หายไปไหน คอยร่วมทุกข์ ร่วมสุข และคอยช่วยเหลือได้ยากนัก ถ้าอยากได้ ก็ต้องเริ่มจากตัวเองก่อน อยากได้คนแบบไหนอยู่ข้างๆ ก็ต้องเป็นแบบนั้นกับคนอื่นก่อน อย่างน้อยเพื่อนของเราก็มีเพื่อนแท้ คือ เรานั่นเอง แต่ก็ไม่ควรคาดหวังมากไปว่า เราจะได้ตอบแทน เพราะอาจจะทุกข์ได้ ถ้ายังทำใจไม่ได้ เวลาทำอะไรเพื่อคนอื่น ก็ไม่ควรฝืน หรือทำให้ตัวเองทุกข์หรือลำบากเกินไป จะได้ไม่หวังมาก เพราะทุ่มเทมากและยอมลำบาก แต่ถ้าหากจะทำอะไรเพื่อคนอื่น ก็ขอให้มีความสุขที่ได้ให้ ได้ช่วย หยุดแค่นั่น ไม่ต้องหวังผล แค่นี้ ก็มีแต่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ว่าจะได้ตอบแทนไหม

หากอยากมีเพื่อนสนิทที่อยู่กับเรานานๆ เราต้องเปิดใจที่จะรับฟัง พูดสิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ เห็นอกเห็นใจกัน พูดและทำสิ่งดีๆ ต่อกันเพื่อรักษามิตรภาพไว้ 
การปรับตัวเองเข้าหาคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องไม่สูญเสียความเป็นตัวเองไป หรือทำให้ตัวเองแย่ลงนะ ไม่งั้นจะเหนื่อยและทุกข์ ต้องทำให้ตัวเองดีขึ้นหรือดีเท่าเดิม จะได้ส่งเสริมพัฒนาและคอยประคับประคองกัน

ยึดมาก ทุกข์มาก ยึดน้อย ทุกข์น้อย เมื่อรักษาความคิด ความรู้สึก และการกระทำดีๆ ไว้ ก็จะทำให้ตัวเองและคนอื่นมีความสุข ทุกข์น้อย หรือไม่ทุกข์เลย
  

Monday, April 28, 2014

Helping with No Return Expectation

เวลาที่ทำอะไรเพื่อคนอื่น เราอาจหวังที่จะได้ตอบแทน พอเขาได้รับประโยชน์แล้วไม่ตอบแทนเรา เราก็โกรธและรู้สึกไม่ดีกับเขา 

ถ้าคิดในอีกด้านหนึ่ง เรายินดีช่วยเขา เราได้รับความสุขและประสบการณ์ในการช่วยเขาให้เขาได้รับประโยชน์และมีความสุข 

หากเราคาดหวังและยึดติดกับผลตอบแทน เราจะเป็นทุกข์ 

ถ้าทำใจไม่ได้ ก็ให้คิดถึงเมื่อตอนเราทำบุญ บริจาคเงิน หรือออกแรงอาสา ช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน ถ้านึกไม่ออก ให้ลองไปทำดู ยิ่งทำบ่อย ยิ่งมีความสุขจากการให้ ทุกข์น้อยลงจากการไม่ได้สิ่งใดตอบแทน

เราเลือกได้ว่า อยากสุขหรือทุกข์

Tuesday, March 25, 2014

Synopsis of A Midsummer Night's Dream by William Shakespeare

เรื่องย่อของฝันคืนกลางฤดูร้อน ของวิลเลียม เชกสเปียร์ (Synopsis of A Midsummer Night's Dream by William Shakespeare

ราชาธีซุสแห่งเมืองเอเธนส์กำลังจะจัดงานแต่งงานกับฮิพพอลลิทา ราชินีของชาวอเมซอน จึงให้จัดงานเลี้ยงฉลองรื่นเริงจนกว่าจะถึงงานแต่ง อีเจียสซึ่งเป็นพ่อของเฮอร์เมียไปปรึกษาราชาว่า ลูกของตนไม่ยอมแต่งงานกับดิมิเทรียสที่ตนเลือกให้ ตามกฎหมายเอเธนส์ ลูกต้องทำตามหรือยอมตาย ราชาให้เลือกว่า จะไปบวช แต่งงาน หรือยอมตาย โดยที่เฮอร์เมียรักอยู่กับไลแซนเดอร์ ทั้งสองจึงพากันหนีเข้าป่าไปเพื่อหลบหนีการแต่งงานครั้งนี้ แต่เฮเลน่า เพื่อนของเฮอร์เมียซึ่งหลงรักดิมิเทรียส ได้นำแผนนี้ไปบอกดิมิเทรียส เขาจึงออกตามล่าสองหนุ่มสาวเข้าไปสู่ในป่าลึก ซึ่งเป็นที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา โดยมีเฮเลน่าแอบตามชายหนุ่มไปอีกคน                                         

ในป่าลึกแห่งนั้น ราชาเทพโอเบรอน และราชินีไททาเนียก็กำลังเกิดเรื่องวุ่นเมื่อทั้งสองเทพกำลังผิดใจกันที่ราชาโอเบรอนอยากได้เด็กชายชาวอินเดียมารับใช้ ซึ่งเด็กชายเป็นลูกเพื่อนไททาเนียที่เสียชีวิตเมื่อคลอดลูกไททาเนียจึงเลี้ยงดูไว้ เทพโอเบรอนจึงให้เทพพัคสมุนมือขวาไปหา “ดอกไม้มนตราแห่งรัก” ซึ่งเป็นดอกไม้สีม่วงเล็กๆ ที่เทพคิวปิดบังเอิญยิงธนูมาโดน โดยตั้งใจจะหยดน้ำหวานดอกไม้บนเปลือกตา ทำให้เทพไททาเนียหลงรักสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดใดที่มองเห็นเป็นสิ่งแรกและจะขอเด็กชายแลกกับการถอนมนต์ บังเอิญเทพโอเบรอนพบเฮเลน่าถูกดิมิเทรียสปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย จึงรู้สึกสงสารและให้เทพพัคไปหยดน้ำหวานใส่ดิมิเทรียสให้นางสมหวัง และแล้วเรื่องราววุ่นวายและความเข้าใจผิดก็เกิดขึ้น เมื่อเทพพัคเจอไลแซนเดอร์นอนพักกลางทางเพราะหลงทาง โดยนอนห่างจากเฮอร์เมียมาก เลยเข้าใจผิด หยดน้ำหวานใส่ไลแซนเดอร์ บังเอิญเฮเลน่าซึ่งเดินตามหาดิมิเทรียสมาเจอไลแซนเดอร์นอนอยู่จึงปลุกเขา เมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้นจึงหลงรักเฮเลน่าทันที เมื่อเทพโอเบรอนยังเห็นดิมิเทรียสพยายามไล่ตามเฮอร์เมียอยู่ จึงโกรธมาก แล้วให้เทพพัคพาเฮเลน่ามา เมื่อเทพโอเบรอนหยดน้ำหวานใส่ดิมิเทรียส เมื่อเขานอนหลับ                                                           

ทั้งดิมิเทรียสกับไลแซนเดอร์จึงตกหลุมรักและไล่ตามเฮเลน่า แต่นางคิดว่าทั้งสองหยอกล้อนางเล่น เมื่อเฮอร์เมียตื่นขึ้น จึงตามมาเจอ แล้วกล่าวหาว่า เฮเลน่าแย่งไลแซนเดอร์ไปจากตน แล้วทั้งสี่ทะเลาะกัน จนไลแซนเดอร์และดิมิเทรียสตกลงไปต่อสู้กันเพื่อพิสูจน์ว่า ใครรักเฮเลน่ามากกว่า                                                                   

แล้วเทพโอเบรอนจึงให้พัคไปแยกทั้งสองไปคนละทาง เมื่อทั้งสองเหนื่อยแล้วหลับไป จึงถอนมนต์จากไลแซนเดอร์ ไลแซนเดอร์กลับไปรักเฮอร์เมีย ส่วนดิมิเทรียสยังคงรักเฮเลน่า                                                                   

ส่วนนิสัยขี้เล่นนึกสนุกของพัค ร่ายมนต์ให้บ็อทท่อมมีหัวเป็นลา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะนักแสดงที่มาซ้อมละครในป่าเพื่อแสดงในคืนงานแต่งงานของราชาธีซุส ขณะที่เทพไททาเนียตื่นขึ้นจากการร้องเพลงของบ็อทท่อม จึงหลงรักบ็อทท่อมจากมนต์ของดอกไม้ แล้วให้เทพรับใช้ของตน ดูแลบ็อทท่อมเป็นอย่างดี และพาเข้านอนไป เมื่อเทพโอเบรอนมาขอเด็กชายชาวอินเดีย เทพไททาเนียยอมให้อย่างง่ายดาย เทพโอเบรอนจึงถอนมนต์ให้เทพไททาเนีย และให้พัคเปลี่ยนบ็อทท่อมเป็นเช่นเดิม                             

เมื่อรุ่งเช้า ราชาธีซุสกับราชินีฮิพพอลลิทามาล่าสัตว์แต่เช้า เมื่อพบกับดิมิเทรียส เฮเลน่า ไลแซนเดอร์ และเฮอร์เมีย จึงปลุกพวกเขา แล้วประหลาดใจที่คู่รักทั้งสองคู่ตกลงจะแต่งงานกัน จึงตกลงให้แต่งพร้อมพระองค์        ฝ่ายบ็อทท่อมตื่นขึ้น จึงกลับไปหาคณะนักแสดง แล้วไปแสดงละครที่ปราสาท หลังอาหารค่ำ เป็นเรื่อง พิรามุสและธีสบี้ ที่รักกันแต่พ่อแม่เป็นศัตรูกัน อยู่บ้านติดกัน พิรามุส(บ็อทท่อม) นัดแนะกับคู่รักโดยพูดกับธีสบี้ (ฟลุท) ผ่านรูทางกำแพง (สเนาท) ให้ไปเจอที่สุสานของไมนัสในป่า ท่ามกลางแสงจันทร์ (สตาร์เวลลิ่ง) เมื่อธิสบี้เห็นสิงโต (สนัก) ที่มีเลือดอาบปากที่เพิ่งกินเหยื่อมา จึงวิ่งหนี แล้วทิ้งผ้าคลุมไว้ สิงโตคาบผ้าคลุมแล้วกัดทึ้งผ้าคลุม แล้วเดินจากไป เมื่อพีรามุสมาถึงจึงคิดว่า คนรักของตนถูกสัตว์ร้ายฆ่า จึงเป็นลมไป เมื่อตื่นขึ้น เห็นว่ายังมีผ้าคลุมอาบเลือดอยู่ จึงฆ่าตัวตายด้วยดาบ เมื่อธีสบี้มาพบจึงนำดาบมาฆ่าตัวตายตาม                                                 

เมื่อละครที่แสนเศร้า แต่แสดงด้วยความตลกขบขันจบลง ทุกคนก็เข้านอน เหล่าเทพราชาและราชินี และเทพผู้รับใช้จึงออกมามาร่วมร้องเพลงอวยพรให้คนในบ้านพบโชคดี เมื่อทุกคนออกไป พัคออกมาพูดกับผู้ชมว่า สิ่งที่ได้ชมไป อาจจะไม่มีอะไร แต่เป็นแค่ความฝัน         

References


http://www.ict.su.ac.th/lakorn/2012/synopsis.php 

http://en.wikipedia.org/wiki/A_Midsummer_Night's_Dream